ย้อนกลับไปหน้า Alumni Recognition
รองศาสตราจารย์ กภ.กันยา ปาละวิวัธน์ บัณฑิตกายภาพบำบัดมหิดลรุ่นที่ 7 มีผลงานตีพิมพ์ แต่งตำราด้านประสาทสรีรวิทยา สรีรวิทยาของการออกกำลังกาย เป็นกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือแพทย์เกี่ยวกับอุปกรณ์กายภาพบำบัด ผลงานสำคัญคือ เป็นผู้สร้างงานกายภาพบำบัดในประเทศไทยด้วยอุดมการณ์ คุณภาพ คู่คุณธรรมเพื่อประชาชน อาจารย์มุ่งมั่นดูแลผู้ป่วย พิสูจน์ให้สังคมเห็นถึงผลสำเร็จของการรักษาทางกายภาพบำบัด ร่วมก่อตั้งคลินิกกายภาพบำบัดของคณะฯ และพัฒนางานกายภาพบำบัดภาคเอกชน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เพื่อเป็นต้นแบบของการก่อตั้งคลินิกกายภาพบำบัดเพื่อประชาชน พัฒนานักกายภาพบำบัดให้มีอิสระทางความคิด ปลูกฝังให้ยึดพระราชปณิธานของสมเด็จพระราชบิดา และแนวทางของศาสตราจารย์นายแพทย์เฟื่อง สัตย์สงวน ให้มีคุณภาพคู่คุณธรรมเพื่อประชาชน ปัจจุบันกันยาคลินิกกายภาพบำบัดมีอายุมากกว่า 40 ปี มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก ขยายสาขาและสร้างงานให้นักกายภาพบำบัดจำนวนถึง 10 สาขา มีนักกายภาพบำบัดร่วมอุดมการณ์มากกว่า 150 คน
#MahidolUniversityNotableAlumni
Related Stories
⮕ ยาใจคนเจ็บ 40 ปีของ ‘กันยาคลินิก’ ธุรกิจกายภาพบำบัดที่ใช้การตลาดแบบบอกต่อ โดยมีเป้าหมายรักษาคนไข้ให้หายขาดและสามาถดูแลตัวเองต่อไปได้ Click
⮕ เส้นทาง ‘กันยาคลินิก’ กว่า 4 ทศวรรษ เพื่อประชาชนและการพัฒนายกระดับงานกายภาพบำบัดไทย Click
อ่านเรื่องราว
รองศาสตราจารย์.กภ.กานดา ใจภักดี ในฐานะบัณฑิตกายภาพบำบัดรุ่นแรกของประเทศไทย ได้ร่วมก่อตั้งชมรมกายภาพบำบัดและดำรงตำแหน่งประธานคนแรกเมื่อ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นสมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย รองศาสตราจารย์.กภ.กานดา ในฐานะอาจารย์กายภาพบำบัดรุ่นแรกได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังทรัพย์เพื่อปลูกฝังศิษย์ให้เป็นนักกายภาพบำบัดที่ดีมีคุณธรรม หลักสูตรกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นรากฐานในการพัฒนาหลักสูตรกายภาพบำบัดให้แก่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในเวลาต่อมา รองศาสตราจารย์.กภ.กานดา ได้เขียนบทความวิชาการ รายงานวิจัย และแต่งตำรา เรื่อง วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว ในฐานะข้าราชการได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบอย่างสูง ตั้งมั่นในคุณธรรมความดี เสียสละ วิริยอุตสาหะ ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ในฐานะผู้บริหารโรงเรียนกายภาพบำบัดได้ร่วมพัฒนาหลักสูตรกายภาพบำบัดระดับปริญญาโทและปริญญาเอกเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และร่วมผลักดันให้เกิดคณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์ ในมหาวิทยาลัยมหิดล และดำรงตำแหน่งคณบดีคนแรก รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมศิษย์เก่าคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล และก่อตั้งมูลนิธิคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กภ.ปรีชา ธันวารชร ผู้คิดค้นการรักษาทางกายภาพบำบัดด้วยเทคนิคการจัดการ Kinematic Linkage Imbalance (K.L.I.M.B.) ซึ่งเป็นวิธีการที่เห็นผลการรักษาอย่างรวดเร็ว สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยการประยุกต์ความรู้พื้นฐานทางกายวิภาคศาสตร์และกายภาพบำบัดเพื่อใช้ในการตรวจประเมินและวางแผนการรักษาที่ต้นเหตุของการเจ็บปวด ความบกพร่องของการเคลื่อนไหว การขาดความเสถียรของร่างกายซึ่งนำไปสู่การอ่อนแอของกล้ามเนื้อ การยึดตัวเรื้อรัง ความยืดหยุ่นลดลงและการไม่สมดุลของกำลังกล้ามเนื้อที่อาจเกิดจากรอยโรคของกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวที่ลดน้อยลงจากพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมในผู้ที่มีอาการปวด หลัง รยางค์ขา ต้นคอ บ่า ไหล่และรยางค์แขน โดยเน้นการรักษาด้วยมือและการออกกำลังกายเพื่อการรักษา เพื่อปรับความไม่สมดุลการเชื่อมโยงของกล้ามเนื้อและข้อต่อที่อยู่บริเวณแกนกลางทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในโรงพยาบาล คลินิก ชุมชนและการกีฬา ตลอดจนการให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติในการดูแลด้วยตนเองที่เหมาะสมให้กลับมาเป็นปกติรวมทั้งเป็นการส่งเสริม ป้องกันทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เทคนิคนี้ได้ถูกนำไปรักษาผู้ป่วย นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยและกีฬาอื่น ๆ ได้เป็นผลสำเร็จทั้งได้เผยแพร่ให้แก่คณาจารย์ นักกายภาพบำบัดทั่วประเทศ รวมทั้งองค์กรกีฬาและใช้อ้างอิงในงานวิจัยด้วย
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว
เภสัชกรหญิงชนากิตต์ อิ่มบำรุง ผู้ก่อตั้งกองทุนร้านยาพรประสิทธิ์ โดยเริ่มจากทุนทรัพย์ส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ให้เข้าถึงการรักษาเบื้องต้นในชุมชนหมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กทม.
จากการมีธุรกิจร้านขายยาเล็กๆ จนเติบโตเป็นบริษัทพรประสิทธิ์ ฟาร์มาซี จำกัด ทำให้ได้ขยายโอกาสการดูแลสุขภาพและยาให้กับประชาชนในชมชุมดัง ม.นักกีฬา โดยมุ่งเน้นการบริบาลเภสัชกรรมเชิงลึกตั้งแต่ปี 2557 และส่งผลให้ได้รับรางวัลเภสัชกรชุมชนดีเด่น ปี 2562 จากเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีผลงานดีเด่นได้แก่ การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำงานด้านบริบาลเภสัชกรรมและมีบทบาทในการให้ความรู้ด้านสุขภาพกับประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อาทิกิจกรรมเยี่ยมบ้านเพื่อดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรัง กิจกรรมการคัดกรองโรค เบาหวาน ความดัน การเลิกบุหรี่ การรณรงค์การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล การพัฒนางานด้านบริบาลเภสัชกรรมชุมชน ร่วมผลักดันบทบาทวิชาชีพเภสัชกรชุมชน เพื่อร่วมเป็นเครือข่ายส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติให้เภสัชกรชุมชน (ร้านยา) เป็นหน่วยร่วมให้บริการในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ พัฒนารูปแบบการบริบาลเภสัชกรรมชุมชน โดยการเยี่ยมบ้านจัดทำรายการใช้ยาพร้อมกับการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาจากการใช้ยาในชุมชน ร่วมกับหน่วยงานราชการและทีมสหวิชาชีพตลอดการทำงานเภสัชกรหญิงชนากิตต์ ได้ยึดมั่นในคำขวัญมหาวิทยาลัยมหิดลที่ว่า “อัตตานัง อุปมัง กเร” ให้การดูแลผู้ป่วยเปรียบดังญาติมิตรให้พ้นจากทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจ
อ่านเรื่องราว
รองศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ ชัยวัฒน์ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในสาขาการพยาบาลเด็ก โดยเป็นที่ประจักษ์จากผลงานทางวิชาการและงานวิจัยจำนวนมาก ท่านได้พัฒนาเครื่องมือวิจัยและเครื่องมือประเมินที่จำเป็นต่อการส่งเสริมสุขภาพเด็กจำนวนมาก เช่น Thai State-Trait Anxiety Inventory for Children-Revised, Thai Child Medical Fear Scale, Thai Developmental Screening Tool for Infants and Toddlers (TDST), Thai Modified Checklist for Autism in Toddlers (TM-CHAT), Parental Feeding Behaviors (Indonesian) เป็นต้น สำหรับการส่งเสริมสุขภาพวัยรุ่น ท่านได้ร่วมศึกษากระบวนการเลี้ยงดูวัยรุ่นที่มีสุขภาพดีในบริบทสังคมไทย และนำสู่งานวิจัยที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพวัยรุ่นด้านต่างๆ เช่น การจัดการความเครียด การละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นต้น นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างวิจัยเพื่อพัฒนาสุขภาพประชาชนไทยในอีกหลากหลายด้าน งานที่สำคัญชิ้นหนึ่งคือ งานวิจัยเกี่ยวกับการปฏิบัติอย่างอิสระของพยาบาล (Independent practice of professional nurse) โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งทำให้ในระยะต่อมามีการศึกษาวิจัยและผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Entrepreneurship ของพยาบาลเป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลาการเป็นอาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ดร.วราภรณ์สอนและเป็นกรรมการบริหารหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก โดยเป็นกรรมการบริหารหลักสูตรพยาบาลศาสตรดุษฎีบัณฑิต ตั้งแต่พ.ศ. 2545 ถึง พ.ศ. 2564 ท่านเป็นผู้ที่ทุ่มเทให้กับการเรียนการสอน มุ่งพัฒนานักศึกษาทั้งในด้านความรู้ ความสามารถทางการพยาบาลและการดำรงชีวิต บุกเบิกพานักศึกษาพยาบาลออกให้บริการสุขภาพทั้งในสถานบริการสุขภาพ ชุมชน รวมถึงแหล่งชุมชนด้อยโอกาส ในระยะหลังยังเป็นผู้นำในการเผยแพร่ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพผ่านสื่อออนไลน์รูปแบบต่างๆด้วย ท่านได้รับรางวัล อาจารย์ดีเด่นด้านการเรียนการสอน คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2552 และรางวัลนิสิตเก่าดีเด่น สาขาการศึกษาพยาบาล ประเภทอาจารย์พยาบาล จากสมาคมนิสิตเก่า พยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากการสอนแล้ว ท่านยังได้นำความรู้ทางสาขาการพยาบาลเด็กไปใช้ในการบริการสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกรรมการฝ่ายวิชาการ และเป็นวิทยากรประจำมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เป็นอนุกรรมการบ้านเด็กจุฬาฯ ฯลฯ แม้ในระยะหลังด้วยภารกิจรอบด้าน ท่านจะไม่สามารถทำหน้าที่เป็นกรรมการในลักษณะข้างต้นได้ แต่ก็ยังให้ความร่วมมือกับองค์กรเหล่านี้เสมอทุกครั้งที่มีโอกาส ด้านการพัฒนาวิชาชีพ ท่านเป็นผู้ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาวิชาชีพพยาบาล จึงทำหน้าที่ในฐานะอนุกรรมการและกรรมการชุดต่างๆ ในสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย สภาการพยาบาล และสมาคมพยาบาลกุมารเวชศาสตร์ประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เมื่อวิชาชีพพยาบาลพัฒนาสู่ advanced nursing practice
รศ.ดร.วราภรณ์ได้ทำหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการยกร่างข้อบังคับสภาการพยาบาล ว่าด้วยหลักเกณฑ์การออกหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรเกี่ยวกับความรู้ความชำนาญเฉพาะทางการพยาบาลและการผดุงครรภ์พยาบาล และต่อมาได้อยู่ในคณะผู้บริหารวิทยาลัยพยาบาลและผดุงครรภ์ขั้นสูงแห่งประเทศไทยในการดำเนินการจัดสอบความรู้เพื่อให้พยาบาลวิชาชีพที่สำเร็จปริญญาโททางการพยาบาลสามารถพัฒนาไปเป็นพยาบาลวิชาชีพเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา (Advanced Practice Nurse : APN) ด้านการบริหาร ท่านเคยดำรงตำแหน่งทางด้านการบริหารของคณะพยาบาลศาสตร์ ตั้งแต่ปี 2544 โดยมีโอกาสในการรับผิดชอบงานที่หลากหลายทั้งด้านบริหาร ด้านแผนและการคลัง ด้านวิชาการ วิจัย วิเทศ และกิจการนิสิต ตลอดระยะเวลาการทำงาน ท่านได้มีโอกาสทำงานที่ท้าทายด้านต่างๆ มากมาย เช่น ได้ร่วมผลักดันและพัฒนาหลักสูตรพยาบาลมหาบัณฑิต Flexible learning หลักสูตรแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ต้องมีการพัฒนาบทเรียนในลักษณะหนังสือ เทปโทรทัศน์ และการเรียนการสอนในห้องเรียนทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ท่านก็ได้เดินทางโดยรถไฟตู้นอนเพื่อไปพบกับนักศึกษาตลอดระยะเวลาที่มีการสอนในหลักสูตรนี้ เพื่อให้พยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศไทยได้มีโอกาสเรียนรู้ พัฒนาตนเองให้สามารถดูแลสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงที่ประเทศไทยประสบภัยสึนามิในปีพ.ศ. 2547 ทันทีที่ทราบข่าว แม้สึนามิยังไม่สงบ ท่านร่วมเดินทางกับรศ.ดร.จินตนา ยูนิพันธุ์ นายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย ณ เวลานั้น เพื่อไปดูแลพยาบาลและประชาชนที่ประสบภัยสึนามิ ทำให้ได้ข้อมูลต่างๆมาร่วมวางแผนในการดูแลฟื้นฟูสุขภาพประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และนำสู่การจัดการศึกษาพยาบาลภาคปฏิบัติในศูนย์พักพิงในจังหวัดภาคใต้โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ และในปีพ.ศ. 2554 เมื่อประเทศไทยประสบมหาอุทกภัย ท่านได้เป็นกำลังหลักของคณะพยาบาลศาสตร์ ในการจัดตั้งหน่วยบริการสุขภาพประชาชนที่อพยพลี้ภัยน้ำท่วม มาอยู่ในศูนย์พักพิงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยท่านต้องเดินทางฝ่าน้ำท่วมมาที่ศูนย์พักพิงด้วยตนเองทุกวันเนื่องจากบุคลากรสุขภาพมีจำกัด ท่านได้นำความรู้ที่ได้จากการบริหารจัดการกำลังคน และทรัพยากรต่างๆ ในช่วงดังกล่าวมาจัดทำเป็นบทเรียนให้กับนักศึกษาอีกเช่นกัน จากประสบการณ์การทำงานบริหารที่หลากหลายรอบด้าน รศ.ดร.วราภรณ์จึงได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่ง คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2560 – 2564 ท่านเป็นผู้บริหาร ที่มีวิสัยทัศน์และนำพาคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันทางการศึกษาทางการพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ ในระหว่างการดำรงตำแหน่งคณบดี ได้มีการระบาดของ Covid-19 มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งศูนย์บริการวัคซีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นต้นแบบให้กับสังคม เนื่องจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่มีโรงพยาบาลในสังกัด การดำเนินงานในส่วนพยาบาลของศูนย์บริการวัคซีน อาคารจามจุรีสแควร์ คณะพยาบาลศาสตร์จึงเป็นแกนหลัก รศ.ดร.วราภรณ์ได้ใช้ความรู้ และประสบการณ์ ในฐานะพยาบาลและผู้บริหารองค์กร ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆของมหาวิทยาลัย และหน่วยงานภายนอก และอาสาสมัคร ในการบริหารจัดการกำลังคน ทรัพยากร รวมถึงระบบการทำงานต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย การที่ท่านนำอาจารย์ และนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอก มาร่วมให้บริการแก่ประชาชนทุกวัน ตั้งแต่ 8.00-20.00 น และการให้บริการออนไลน์ต่างๆ ทำให้เกิดนักศึกษาและอาจารย์มีมุมมองในการสร้างงานวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลต่อไปอีกมาก รศ.ดร.วราภรณ์ในฐานะคณบดีได้นำคณะให้ปรับปรุงระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นทั้งในลักษณะ Multifunction, Shared Service, E-document และการทำงานออนไลน์เต็มรูปแบบ ด้านวิชาการส่งเสริมให้เกิด Joint Research Seminar กับมหาวิทยาลัยนานาชาติ การแลกเปลี่ยนนักศึกษากับมหาวิทยาลัยต่างชาติทั้งในลักษณะ onsite และ online นอกจากนี้ยังผลักดันให้คณะฯ ร่วมพัฒนาต้นแบบการศึกษาร่วมกันระหว่างสหสาขาวิชาชีพทางการแพทย์ (Interprofessional education) ที่เป็นการเรียนรู้ผ่านสถานการณ์จําลองเสมือนจริงออนไลน์ (Virtual simulation) และผลักดันให้เกิดหลักสูตรทางการพยาบาลใหม่ซึ่งเป็นหลักสูตร Double degree ในระดับบัณฑิตศึกษากับ Kobe University, ประเทศญี่ปุ่น
อ่านเรื่องราว
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นผู้พัฒนาและผลักดันแนวคิด Thailand 4.0 ในช่วงปี 2560-2562 ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย Thailand 4.0 เป็นโมเดลที่มีจุดมุ่งหมายในการนำพาประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำและกับดักความไม่สมดุล ในบริบทของพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางที่แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้วางไว้ โดยใช้แนวคิด “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ในช่วงปี 2562 – 2563 ดร.สุวิทย์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้นำเสนอโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ทุกประเทศสามารถนำไปใช้ได้โดยประยุกต์ให้เข้ากับบริบทภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม หรือวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ เนื่องจากความท้าทายในยุคปัจจุบันคือ ‘stakeholder’ ที่กระจายในทุกภาคส่วน แต่การใช้ BCG จะช่วยรวมคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาไว้ด้วยกันและทำให้มีเป้าหมายเดียวกัน เศรษฐกิจในแบบ BCG มีคุณสมบัติอย่างน้อย 5 ข้อ คือ 1.อาศัยจุดแข็งของความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม 2.การกระจายตัวของสาขายุทธศาสตร์และอุตสาหกรรมเป้าหมายมีจำนวนพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป 3.การกระจายตัวของผู้ประกอบการ ครอบคลุมผู้ประกอบการในระดับฐานราก วิสาหกิจชุมชน SMEs ผู้ประกอบการรายใหญ่และสตาร์ทอัพ 4.การเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น เศรษฐกิจภูมิภาค เศรษฐกิจระดับประเทศและเศรษฐกิจโลกเข้าด้วยกัน และ 5.สร้างสมดุลระหว่างการนำเข้าเทคโนโลยี กับการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ หลังจากที่ ดร.สุวิทย์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการในปี 2563 ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Youth in Charge ‘การพัฒนาคน’ ในแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 15-22 ปี ได้ร่วมออกแบบและสร้างอนาคตของตัวเองในมิติต่างๆ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของพลังเยาวชนจากหลากหลายพื้นเพ ในการขับเคลื่อนวาระสำคัญๆที่มีผลต่อชีวิต ความเป็นอยู่และอนาคตของเจนเรชั่นของพวกเขา จากปัญหาว่า ‘เสียงของเยาวชนมักไม่ค่อยมีผู้ใหญ่รับฟัง’ Youth in Charge จึงเป็นแพลตฟอร์มของการเป็นพื้นกลางในการแลกเปลี่ยน พื้นที่กลางในการมีส่วนร่วม การฟังแล้วได้ยิน และเป้าหมายคือการนำไปสู่การกระทำที่เป็นรูปธรรม
#MahidolUniversityNotableAlumni
Related Stories
⮕ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” ชี้โมเดล ศก. BCG การปรับเปลี่ยนเชิงระบบและยุทธศาสตร์ Game Changer ที่แท้จริงของไทย Click
⮕ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” ปลุกพลัง 3 มหาวิทยาลัย สร้างคนใหม่ กำหนดอนาคตโลก Click
อ่านเรื่องราว
รศ.ดร.ปิยาณี คล้ายนิล-โยบาซ สำเร็จการจากคณะพยาบาลศาสตร์ หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ปี พ.ศ.2533 ปัจจุบันท่านปฏิบัติงาน ณ Alice Lee Centre for Nursing Studies Yong Loo Lin School of Medicine, National University of Singapore ท่านเป็นนักวิจัยทางการพยาบาลที่มีความสนใจงานวิจัยเกี่ยวกับ ความเครียด ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเครียด และสุขภาพของบุคคลที่มีสุขภาพดีและผู้ที่มีอาการป่วยทางจิต การแทรกแซงทางจิตสังคมในผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตและสภาวะทางการแพทย์ ท่านได้พัฒนางานวิจัยเกี่ยวกับภาวะทางสุขภาพจิตเป็นจำนวนมาก โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ มากมาย อาทิ NUHS Bridging funds และ National Research. Council of Thailand, Thailand. ท่านมีผลงานการวิจัยที่มีการเผยแพร่ในวารสารระดับชาติและนานาชาติที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญและมีการรวบรวมไว้บนเว็บไซต์ Google Scholar ทั้งหมด 143 ฉบับโดยมีการอ้างอิงโดยรวม 4,880 รายการ h-index เท่ากับ 37 และ i10-index เท่ากับ 68 และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 รศ.ดร. ปิยาณี (คล้ายนิล) โยบาซ ได้รับการเสนอชื่อเป็นนักวิจัยที่มีการอ้างอิงสูง 2% อันดับแรกของโลก นอกจากนี้ท่านได้มีการส่งเสริมสุขภาพจิตของประชาชน โดยมีการเผยแพร่ความรู้ทางออนไลน์เพื่อสอนวิธีการกำหนดลมหายใจอย่างมีสติเพื่อจัดการกับความเครียดในช่องทางออนไลน์ในรายการ “Mindfulness Practice with Dr. Piyanee” จากความรู้ความสามารถในการพยาบาลสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวชศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก ปี 2021 ท่านได้รับเชิญจากองค์การอนามัยโลกในฐานะผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาแนวปฏิบัติทางด้านสุขภาพจิต
อ่านเรื่องราว
ผลงานที่โดดเด่น
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว
ศ.ดร.อัมรินทร์ ทักชิญเสถียร มีประสบการณ์งานวิจัยทางการแพทย์หลากหลายรูปแบบ เช่น therapeutic study/randomized controlled trial, cohort study, diagnostic study, risk/prognosis study, and systematic review and meta-analysis โดยเฉพาะอย่างยิ่งงาน Systematic review and meta-analysis ได้พัฒนาระเบียบวิธีทบทวนวรรณกรรม และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเมต้าสำหรับงานวิจัยทาง genetic association studies ซึ่งงานนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารหลักทางด้านระบาดวิทยาและสถิติทางการแพทย์
1) J Clin Epidemiol. 2003 Apr;56(4):297-303, 2) Am J Epidemiol. 2005 Aug 1;162(3):201-11, 3) Am J Epidemiol. 2006 Nov 1;164(9):813-22, 4) Am J Epidemiol. 2012 Sep 1;176(5):361-72), 5) Stat Med. 2005 May 15324(9): 1291-306) ต่อมาได้นำวิธีการดังกล่าวไปใช้และอ้างอิงอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาวิธีการวิเคราะห์แบบเมต้า ในสาขาการประเมินทางเศรษฐศาสตร์สุขภาพ และ Health Technology Assessment Programs ในปี 2017 ซึ่งผลงานตังกล่าวตีพิมพ์ใน Value Health. 2019 Dec;22(12):1458-1469 และได้มีการนำผลงานดังกล่าวมาใช้อ้างอิงต่อมามากมายได้พัฒนาและสร้าง real-world big data ของโรคติดต่อ เช่น diabetes, hypertension, chronic kidney disease, cardiovascular disease, atrial fibrillation, and stroke โดยใช้ข้อมูลจากการปฏิบัติทางคลินิกที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งฐานข้อมูลเหล่านี้จะเป็นแหล่งของโจทย์งานวิจัยสำหรับนักวิจัยรุ่นใหม่และกลางที่จะสามารถพัฒนาศักยภาพบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดล ตลอดจนสถาบันอื่น ๆ ในประเทศไทยต่อไป
จากผลงานดังกล่าว ส่งผลให้งานวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารระดับสากลในฐานข้อมูล Scopus 283 เรื่อง (accessed 11/01/2023) 8664 citations และมี H-index 51 จากผลงานเชิงประจักษ์ดังกล่าว ทำให้ ศ. ดร.อัมรินทร์ ทักขิญเสถียร ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ศาสตราจารย์ทางสถิติทางการแพทย์ เมื่อปี ค.ศ. 2015 ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ทางด้านนี้เพียงคนเดียวในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังถูกจัดอยู่ใน World Top 2% Scientists 3 ปีติดต่อกันระหว่างปี 2020 - 2022 โดย Elsevier BV(https://elsevier.digitalcommonsdata.com/datasets/ btchxkt2w/3)
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว
คุณศุภรัตน์ โชติสกุลรัตน์ มีประสบการณ์กว่า 40 ปี ด้านการบูรณาการงานบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอนามัยสิ่งแวดล้อม และชีววิทยาสิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม มีผลงานสำคัญจากโครงการความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก ซึ่งมีผลกระทบต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมทุกระดับตั้งแต่การผลักดันนโยบายและการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ มีผลงานที่สำคัญในระดับประเทศ คือ
ระดับประเทศ
- โครงการภาครัฐและเอกชน เช่น การศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์และการขับเคลื่อนสำหรับประเทศไทย (พ.ศ. 2562-2565)
- การสนับสนุนงานการศึกษาและสถาบัน เช่น เป็นที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา (พ.ศ. 2561 - ปัจจุบัน)
ระดับนานาชาติ
โครงการพัฒนาด้านพลังงานในประเทศ สปป. ลาว (พ.ศ. 2548 - ปัจจุบัน) และโครงการพัฒนาปิโตรเลียม และพลังงานในประเทศเมียนมา (พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน)
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว