ย้อนกลับไปหน้า Alumni Recognition
นักขับเคลื่อนนโยบายด้านอาหารและโภชนาการ:
นายอารยะ โรจนวณิชชากร เป็นนักวิชาการที่ทำวิจัยและปรับปรุงข้อกำหนดกฎหมายด้านอาหารและโภชนาการเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพของคนไทย โดยเน้นการยกระดับมาตรฐานผู้ประกอบการผลิตอาหารให้เป็นสากล ส่งเสริมให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกและยังคงคุ้มครองผู้บริโภค ผ่านการดำเนินการครอบคลุมตั้งแต่วิจัยนโยบาย สร้างการยอมรับจากทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนแนวทางการปฏิบัติลงสู่ชุมชน เพื่อสร้างสุขภาพให้คนไทย ได้แก่ 1) ฉลากโภชนาการทางเลือกสุขภาพ เพื่อสร้างการปรับเปลี่ยนสูตรการผลิตของผู้ประกอบการผลิตอาหารให้มีการลดหวานมันเค็มลง 2) มาตรฐานสถานที่ผลิตอาหาร (GMP) เพื่อยกระความความปลอดภัยของผู้ผลิตทั่วประเทศ 3) การพัฒนาคู่มือแนวทางแก้ปัญหาน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท เพื่อให้อย.และผู้ประกอบการนำไปประยุกต์ใช้ 4) การแก้ไขปัญหาการขาดสารไอโอดีน ด้วยการพัฒนาเครื่องผสมสารไอโอดีนลงในเกลือบริโภค 5) กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาไขมันทรานส์ของประเทศไทย เป็นที่ยอมรับในระดับโลก 6) โครงการจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อสำรวจสถานการณ์ความปลอดภัยของอาหารทั่วประเทศสร้างฐานข้อมูลในการกำหนดนโยบาย และ 7) ผลักดันมาตรการทางภาษีต่อสินค้าอาหารที่มีผลต่อสุขภาพ ทั้งจากน้ำตาลและโซเดียม
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว
นักขับเคลื่อนนโยบายอาหารที่ดีต่อสุขภาพ :
ดร.วีรภาคย์ สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับรางวัลวิทยานิพนธ์ดีเด่น ประจำปีงบประมาณ 2566 จากบัณฑิตวิทยาลัย โดยหัวข้อวิทยานิพนธ์ คือ “การวิเคราะห์การนำนโยบายกำจัดไขมันทรานส์จากแหล่งอุตสาหกรรมไปปฏิบัติในประเทศไทย: สาระ บริบท กระบวนการและผู้เล่น” ท่านเป็นนักวิจัยที่มีผลงานโดดเด่นในด้านนโยบายสาธารณะ โภชนาการ และสุขภาพประชากร เป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค เศรษฐกิจและสิทธิมนุษยชน ในเวลาต่อมาท่านเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมวิชาการที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนนโยบายอาหารสตรีทฟู้ดที่ดีต่อสุขภาพของประเทศไทย ผ่านการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายประเด็น "World Class Street Food" ภายใต้การสนับสนุนของ WHO-CCS NCDs และกรมควบคุมโรค และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำมาตรฐานกลางการผลิตและให้บริการอาหารสตรีทฟู้ดที่ดีต่อสุขภาพและการนำมาตรฐานไปสู่การปฏิบัติในประเทศไทย
อ่านเรื่องราว
Hussain Rasheed is the Regional Advisor leading the work on Water, Sanitation, and Hygiene (WASH) and Climate Change at the WHO Regional Office for South East Asia. He was instrumental in the development of many technical products including tools and guidelines related to WASH and climate change in the South East Asia Region. During his tenure as State Minister for Health, Mr. Rasheed has had enormous influence in policy direction towards better public health initiatives including the primary healthcare approach in Maldives. Being a very strong public health advocate, his visionary leadership has resulted in the government raising tobacco taxation, as well as increasing taxes on fizzy and energy drinks in Maldives. He was instrumental in developing the 10-year health master plan 2016-2025 of Maldives. Mr Rasheed in his capacity as the Chairman of the Advisory Council of the Faculty of Health Sciences, Maldives has approved a Master in Public Health Course and has been continuously working to improve the capacity of healthcare professionals at the national level. With his guidance and leadership, Maldives is currently providing free healthcare to all citizens in the country through a government social health insurance scheme covering even the costs of organ transplants. All essential medicines are made available on all islands through state-owned pharmacies where medicine is made available for free. The National NCD Action Plan for the next five years was launched in 2016 and a nationwide NCD campaign to address the escalating non-communicable diseases in the country was designed and was launched in 2017.
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นผู้พัฒนาและผลักดันแนวคิด Thailand 4.0 ในช่วงปี 2560-2562 ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย Thailand 4.0 เป็นโมเดลที่มีจุดมุ่งหมายในการนำพาประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำและกับดักความไม่สมดุล ในบริบทของพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางที่แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้วางไว้ โดยใช้แนวคิด “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ในช่วงปี 2562 – 2563 ดร.สุวิทย์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้นำเสนอโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ทุกประเทศสามารถนำไปใช้ได้โดยประยุกต์ให้เข้ากับบริบทภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม หรือวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ เนื่องจากความท้าทายในยุคปัจจุบันคือ ‘stakeholder’ ที่กระจายในทุกภาคส่วน แต่การใช้ BCG จะช่วยรวมคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาไว้ด้วยกันและทำให้มีเป้าหมายเดียวกัน เศรษฐกิจในแบบ BCG มีคุณสมบัติอย่างน้อย 5 ข้อ คือ 1.อาศัยจุดแข็งของความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม 2.การกระจายตัวของสาขายุทธศาสตร์และอุตสาหกรรมเป้าหมายมีจำนวนพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป 3.การกระจายตัวของผู้ประกอบการ ครอบคลุมผู้ประกอบการในระดับฐานราก วิสาหกิจชุมชน SMEs ผู้ประกอบการรายใหญ่และสตาร์ทอัพ 4.การเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น เศรษฐกิจภูมิภาค เศรษฐกิจระดับประเทศและเศรษฐกิจโลกเข้าด้วยกัน และ 5.สร้างสมดุลระหว่างการนำเข้าเทคโนโลยี กับการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ หลังจากที่ ดร.สุวิทย์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการในปี 2563 ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Youth in Charge ‘การพัฒนาคน’ ในแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 15-22 ปี ได้ร่วมออกแบบและสร้างอนาคตของตัวเองในมิติต่างๆ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของพลังเยาวชนจากหลากหลายพื้นเพ ในการขับเคลื่อนวาระสำคัญๆที่มีผลต่อชีวิต ความเป็นอยู่และอนาคตของเจนเรชั่นของพวกเขา จากปัญหาว่า ‘เสียงของเยาวชนมักไม่ค่อยมีผู้ใหญ่รับฟัง’ Youth in Charge จึงเป็นแพลตฟอร์มของการเป็นพื้นกลางในการแลกเปลี่ยน พื้นที่กลางในการมีส่วนร่วม การฟังแล้วได้ยิน และเป้าหมายคือการนำไปสู่การกระทำที่เป็นรูปธรรม
#MahidolUniversityNotableAlumni
Related Stories
⮕ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” ชี้โมเดล ศก. BCG การปรับเปลี่ยนเชิงระบบและยุทธศาสตร์ Game Changer ที่แท้จริงของไทย Click
⮕ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” ปลุกพลัง 3 มหาวิทยาลัย สร้างคนใหม่ กำหนดอนาคตโลก Click
อ่านเรื่องราว
ผศ.ดร.บุญส่ง ไข่เกษ เป็นนักวิชาการที่มีความโดดเด่นทางการเมืองในตำแหน่งต่าง ๆ เช่นสมาชิกวุฒิสภา ประธานอนุกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อมรองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา กรรมาธิการการสาธารณสุขผลักดันให้เกิดการพัฒนาทางด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประเทศไทยหลายด้าน เช่น การปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ ด้วยการพิจารณาศึกษาและจัดทำข้อเสนอการปฏิรูปเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5) การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ การยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ การจัดการขยะมูลฝอยและกากของเสีย การจัดการน้ำเสีย การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การศึกษาระบบบริการสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย การศึกษาระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ นอกจากนี้ยังปฏิบัติหน้าที่ด้านวิชาการที่สำคัญ เช่น การเป็นนายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอดีตนายกสมาคมอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย
อ่านเรื่องราว
ทันตแพทย์หญิงสุนีเริ่มสร้างคุณความดีอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนงานต่างๆ โดยเริ่มจากการเป็นกรรมการจัดหารายได้ให้กับมูลนิธิคณะทันตแพทยศาสตร์มหิดล ช่วยหารายได้ให้แก่มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทยและมูลนิธิช่วยการสาธารณสุขชุมชน เป็นต้น ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2562 ได้รับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา จึงใช้ความรู้ความสามารถในการทำงานเป็นกรรมาธิการด้านต่างๆ เช่น ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา และด้านการประชาสัมพันธ์ โดยมีผลงานในการพิจารณาศึกษาขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านทันตสาธารณสุขไทย เพื่อพิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการแก้ปัญหาการเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมของประชาชนไทย ซึ่งมีอัตราการเข้าถึงบริการทันตกรรมที่ต่ำมากเพียง ร้อยละ 8.1 การเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมและการจัดการด้านทันตสุขภาพของผู้พิการและผู้สูงอายุ วิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค เสนอแนะ และเร่งรัดการขับเคลื่อน การส่งเสริมป้องกันโรคช่องปากและฟัน การพัฒนาการใช้ฟลูออไรด์ งานทันตสาธารณสุขในท้องถิ่น และงานบริการปฐมภูมิในระดับประเทศ พิจารณาศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ทันตกรรม การพัฒนาไทยสู้ศูนย์กลางด้านการบริการรักษาด้านทันตกรรมในระดับภูมิภาคและระดับโลก (THAILAND DENTAL HUB) เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางการแพทย์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านทันตกรรมไทย ติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนการปฏิรูป การพิจารณาแก้ระเบียบหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านทันตสาธารณสุข เพื่อให้เกิดการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ อันนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยในช่วงการระบาดของโรค COVID-19 ทันตแพทย์หญิงสุนีได้เป็นตัวแทนสมาชิกวุฒิสภา มอบเงินช่วยมูลนิธิคณะทันตแพทย์ศาสตร์มหิดล เพื่อนำไปช่วยประชาชนได้ทำฟันอย่างปลอดภัย ในช่วงโควิค-19 อีกด้วย
ทันตแพทย์หญิงสุนีมีคติประจำใจ คือ "ตั้งใจ ขยัน แน่วแน่ ไม่ย่อท้อในการทำงาน ในทุกหน้าที่ที่รับผิดชอบ ก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
อ่านเรื่องราว