โทรติดต่อ:
ภก.
ณัฐชนน
สถาปนพิทักษ์กิจ

“การเรียนที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ไม่ได้เป็นเพียงสถาบันที่ให้เฉพาะความรู้เท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนครอบครัว ที่สอนให้ผมรู้จักการดำเนินชีวิตในมิติต่างๆ การคิดถึงประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นสำคัญ อยากให้น้องๆมีกำลังใจและภาคภูมิใจที่เป็นพี่น้องชาวมหิดลครับ”

คุณณัฐชนน ผ่านการสอบกำหนดคุณสมบัติ Board Certified Oncology Pharmacist (BCOP) จาก Board of Pharmacy Specialties, Washington DC, USA ปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในทีมสหสาขาวิชาชีพในการบริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยโรคมะเร็ง ได้แก่ มะเร็งโลหิตวิทยาและปลูกถ่ายไขกระดูก มะเร็งอายุรศาสตร์ มะเร็งนรีเวช และมีส่วนร่วมในการควบคุมคุณภาพยาและความปลอดภัย ตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บรักษา การเตรียมยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และยาเสริมภูมิคุ้มกันที่บริหารทางหลอดเลือดดำด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อให้ดีที่สุดจนถึงผู้ป่วยมะเร็ง พร้อมแนะนำการใช้ยาและวิธีป้องการผลข้างเคียงจากยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้าชนิดรับประทานแก่ผู้ป่วย นอกจากนี้ยังได้รับเชิญเป็นวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิ และอาจารย์พิเศษ จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่น โครงการติดดาวในการเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผู้ป่วยที่เกิด Hypersensitivity reaction จากยาเคมีบำบัดจากงานพัฒนาคุณภาพ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

 

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ภก.
เพียร
เพลินบรรณกิจ

ภก.เพียร เพลินบรรณกิจ มีความสนใจงานด้านนโยบายสาธารณสุขและการเข้าถึงยา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการด้านการบริหารการเข้าถึงยาในบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำ ในด้านวิชาชีพเภสัชกรรมดำรงตำแหน่งกรรมการอำนวยการเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ 2 สมัย (พ.ศ.2559-2564) และกรรมการสมาคมเภสัชกรรมการตลาด (ประเทศไทย) จนถึงปัจจุบัน

ภก.เพียร เป็นผู้ผลักดันและประสานงานกับสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ประเทศเยอรมันและหน่วยงานของรัฐ เพื่อนำยา Tiotropium bromide และยา Tenecteplase เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ทำให้ผู้ป่วยทุกสิทธิประกันสุขภาพที่ป่วยเป็นโรคปอดเรื้อรัง COPD และ STEMI ตามลำดับเข้าถึงยาตามแนวเวชปฏิบัติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายใต้งบประมาณที่ภาครัฐสามารถบริหารจัดการได้และภาคเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในบริบทของประเทศไทย

ภก.เพียร ได้รับทุนรัฐบาลสหราชอาณาจักร (Chevening scholarship) ซึ่งเป็นหนึ่งในทุนที่มีการแข่งขันมากที่สุดในโลกโดยมีผู้สมัครและผ่านการคัดเลือกเพียงร้อยละ 3 เพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้าน นโยบาย การวางแผน และการคลังด้านสุขภาพ (Health Policy, Planning and Financing) ณ วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (London School of Economics and Political Science: LSE) และ วิทยาลัยการอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งลอนดอน (London School of Hygiene & Tropical Medicine: LSHTM) มหาวิทยาลัยลอนดอน และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2565

#MahidolUniversityNotableAlumni

Related Stories

⮕ เพียร เพลินบรรณกิจ : Living with Passion Click

อ่านเรื่องราว

Dr.
Nestor
S. Arce Jr

After graduating from Mahidol University, Dr. Nestor S. Arce Jr went back and work for his country. He strongly believed that wisdom is essential in developing society but it is difficult to work in the depressed area because lack of education and access to quality health care. So, he continues his hard work for over 25 years in the medical academe. When the COVID-19 outbreak started he accepted the challenge from the Department of Health Davao Region to be Frontline doctor work in one of their COVID facility in Davao del Sur knowing the risk and unprecedented pressure as well the physical and psychological impact especially on managing patients infected with COVID 19 in a resource limited setting. Now he has a new challenge as the dean of the college of Medicine of Jose Maria College Foundation, with his heart and his mission to create future health care workers who have character imbued with strong empathy to work for the marginalized and underserved sector in his country.

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

รศ. กภ.
กันยา
ปาละวิวัธน์

รองศาสตราจารย์ กภ.กันยา ปาละวิวัธน์ บัณฑิตกายภาพบำบัดมหิดลรุ่นที่ 7 มีผลงานตีพิมพ์ แต่งตำราด้านประสาทสรีรวิทยา สรีรวิทยาของการออกกำลังกาย เป็นกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือแพทย์เกี่ยวกับอุปกรณ์กายภาพบำบัด ผลงานสำคัญคือ เป็นผู้สร้างงานกายภาพบำบัดในประเทศไทยด้วยอุดมการณ์ คุณภาพ คู่คุณธรรมเพื่อประชาชน อาจารย์มุ่งมั่นดูแลผู้ป่วย พิสูจน์ให้สังคมเห็นถึงผลสำเร็จของการรักษาทางกายภาพบำบัด ร่วมก่อตั้งคลินิกกายภาพบำบัดของคณะฯ และพัฒนางานกายภาพบำบัดภาคเอกชน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เพื่อเป็นต้นแบบของการก่อตั้งคลินิกกายภาพบำบัดเพื่อประชาชน พัฒนานักกายภาพบำบัดให้มีอิสระทางความคิด ปลูกฝังให้ยึดพระราชปณิธานของสมเด็จพระราชบิดา และแนวทางของศาสตราจารย์นายแพทย์เฟื่อง สัตย์สงวน ให้มีคุณภาพคู่คุณธรรมเพื่อประชาชน ปัจจุบันกันยาคลินิกกายภาพบำบัดมีอายุมากกว่า 40 ปี มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก ขยายสาขาและสร้างงานให้นักกายภาพบำบัดจำนวนถึง 10 สาขา มีนักกายภาพบำบัดร่วมอุดมการณ์มากกว่า 150 คน

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

Related Stories 

ยาใจคนเจ็บ 40 ปีของ ‘กันยาคลินิก’ ธุรกิจกายภาพบำบัดที่ใช้การตลาดแบบบอกต่อ โดยมีเป้าหมายรักษาคนไข้ให้หายขาดและสามาถดูแลตัวเองต่อไปได้ Click 

⮕ เส้นทาง ‘กันยาคลินิก’ กว่า 4 ทศวรรษ เพื่อประชาชนและการพัฒนายกระดับงานกายภาพบำบัดไทย Click

อ่านเรื่องราว

ผศ.กภ.
ปรีชา
ธันวารชร

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กภ.ปรีชา ธันวารชร ผู้คิดค้นการรักษาทางกายภาพบำบัดด้วยเทคนิคการจัดการ Kinematic Linkage Imbalance (K.L.I.M.B.) ซึ่งเป็นวิธีการที่เห็นผลการรักษาอย่างรวดเร็ว สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยการประยุกต์ความรู้พื้นฐานทางกายวิภาคศาสตร์และกายภาพบำบัดเพื่อใช้ในการตรวจประเมินและวางแผนการรักษาที่ต้นเหตุของการเจ็บปวด ความบกพร่องของการเคลื่อนไหว การขาดความเสถียรของร่างกายซึ่งนำไปสู่การอ่อนแอของกล้ามเนื้อ การยึดตัวเรื้อรัง ความยืดหยุ่นลดลงและการไม่สมดุลของกำลังกล้ามเนื้อที่อาจเกิดจากรอยโรคของกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวที่ลดน้อยลงจากพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมในผู้ที่มีอาการปวด หลัง  รยางค์ขา ต้นคอ บ่า ไหล่และรยางค์แขน โดยเน้นการรักษาด้วยมือและการออกกำลังกายเพื่อการรักษา เพื่อปรับความไม่สมดุลการเชื่อมโยงของกล้ามเนื้อและข้อต่อที่อยู่บริเวณแกนกลางทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในโรงพยาบาล คลินิก ชุมชนและการกีฬา ตลอดจนการให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติในการดูแลด้วยตนเองที่เหมาะสมให้กลับมาเป็นปกติรวมทั้งเป็นการส่งเสริม ป้องกันทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เทคนิคนี้ได้ถูกนำไปรักษาผู้ป่วย นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยและกีฬาอื่น ๆ ได้เป็นผลสำเร็จทั้งได้เผยแพร่ให้แก่คณาจารย์ นักกายภาพบำบัดทั่วประเทศ รวมทั้งองค์กรกีฬาและใช้อ้างอิงในงานวิจัยด้วย

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ดร.
ปัทนภา
ศรีชมเชย

ดร.ปัทนภา ศรีชมเชย เริ่มต้นจากนักเทคนิคการแพทย์สู่นักกำหนดอาหารวิชาชีพที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาตนเอง ต่อยอดในการพัฒนาองค์ความรู้สู่การแพทย์บูรณาการ และใช้หลักการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพผ่านการขับเคลื่อนนโยบาย ในระดับบริหารขององค์กรและสมาคมวิชาชีพ รวมถึงสมาคมและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนางานด้านวิชาการและมาตรฐานวิชาชีพ เริ่มต้นบุกเบิกงานด้านโภชนาการเอดส์ในประเทศไทยในตำแหน่งนักกำหนดอาหารและวิจัย ผ่านการทำงานในศูนย์ความร่วมมือไทย-ออสเตรเลียด้านโภชนาการเอดส์ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในงานด้านการป้องกันและสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน จนกระทั่งได้มีโอกาสเข้ามาพัฒนาระบบงานด้านโภชนาการและการกำหนดอาหารในรพ.เทพธารินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ไม่เพียงแต่ให้การรักษาโรค แต่ยังมุ่งเน้นการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ อย่างแข็งขัน ทั้งยังสนับสนุนให้คนในองค์กรมีจิตสาธารณะเข้าร่วมทำงาน ในส่วนของสมาคมวิชาชีพต่างๆ เพื่อร่วมสร้างมาตรฐานในการดูแลและส่งเสริมสุขภาพของคนไทย รวมทั้งส่งเสริมการศึกษาวิจัย พัฒนาต่อยอดองค์ความรู้เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบการให้บริการสุขภาพแก่ประชาชน

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ดร.นพ.
ตุลวรรธน์
พัชราภา

ดร.นพ. ตุลวรรธน์ พัชราภา เป็นผู้มีผลงานโดดเด่นด้านการบริหารจัดการโรงพยาบาล ในการให้ความสำคัญกับการสร้างองค์กรให้เสมือนเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดและรักษาบุคลากรเก่งที่มีศักยภาพโดดเด่นให้เป็นกำลังสำคัญหลักในการขับเคลื่อนให้เติบโตไปด้วยกันกับองค์กร พร้อมสร้างโอกาสทางความคิด การสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆให้สอดคล้องกับการทำงาน เพื่อให้การปฏิบัติติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการสร้างแรงผลักดันแก่พนักงานอย่างเหมาะสม เพื่อส่งมอบการบริการแก่ผู้เข้ารับการรักษาอย่างดีที่สุด โดยได้รับการยอมรับจากองค์กร Healthcare Information and Management Systems Society (HIMSS) ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษา อีกทั้งยังได้รับเชิญเป็นผู้บรรยายพิเศษในการประชุมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น งาน Hospital Management Asia 2019 ประเทศเวียดนาม, งาน QlikWorld Tour 2022 ประเทศสิงคโปร์, และงาน Healthcare Asia Summit 2023 ประเทศสิงคโปร์เป็นต้น ผลงานตีพิมพ์ของดร.นพ. ตุลวรรธน์ เรื่อง Knowledge acquisition: the roles of perceived value of knowledge content and source ใน Journal of knowledge management, 16(5) ซึ่งเป็น Journal indexed in SJR Q1 ได้ถูกนำไปอ้างอิงกว่า 135 ครั้ง

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

อ่านเรื่องราว

ภญ.
ชนากิตต์
อิ่มบำรุง

เภสัชกรหญิงชนากิตต์ อิ่มบำรุง ผู้ก่อตั้งกองทุนร้านยาพรประสิทธิ์ โดยเริ่มจากทุนทรัพย์ส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ให้เข้าถึงการรักษาเบื้องต้นในชุมชนหมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กทม.

จากการมีธุรกิจร้านขายยาเล็กๆ จนเติบโตเป็นบริษัทพรประสิทธิ์ ฟาร์มาซี จำกัด ทำให้ได้ขยายโอกาสการดูแลสุขภาพและยาให้กับประชาชนในชมชุมดัง ม.นักกีฬา โดยมุ่งเน้นการบริบาลเภสัชกรรมเชิงลึกตั้งแต่ปี 2557 และส่งผลให้ได้รับรางวัลเภสัชกรชุมชนดีเด่น ปี 2562 จากเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีผลงานดีเด่นได้แก่ การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำงานด้านบริบาลเภสัชกรรมและมีบทบาทในการให้ความรู้ด้านสุขภาพกับประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อาทิกิจกรรมเยี่ยมบ้านเพื่อดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรัง กิจกรรมการคัดกรองโรค เบาหวาน ความดัน การเลิกบุหรี่ การรณรงค์การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล การพัฒนางานด้านบริบาลเภสัชกรรมชุมชน ร่วมผลักดันบทบาทวิชาชีพเภสัชกรชุมชน เพื่อร่วมเป็นเครือข่ายส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติให้เภสัชกรชุมชน (ร้านยา) เป็นหน่วยร่วมให้บริการในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ พัฒนารูปแบบการบริบาลเภสัชกรรมชุมชน โดยการเยี่ยมบ้านจัดทำรายการใช้ยาพร้อมกับการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาจากการใช้ยาในชุมชน ร่วมกับหน่วยงานราชการและทีมสหวิชาชีพตลอดการทำงานเภสัชกรหญิงชนากิตต์ ได้ยึดมั่นในคำขวัญมหาวิทยาลัยมหิดลที่ว่า “อัตตานัง อุปมัง กเร” ให้การดูแลผู้ป่วยเปรียบดังญาติมิตรให้พ้นจากทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจ

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

นพ.
โอภาส
การย์กวินพงศ์
  • นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ เป็นแพทย์เวชศาสตร์ป้องกันด้านระบาดวิทยาที่มีความรอบรู้และเชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และการสาธารณสุขและเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการโรคติดต่อต่างๆ ในประเทศไทยเป็นอย่างดี และรับผิดชอบภารกิจการควบคุมโรคติดต่อมายาวนานกว่า 10 ปี เป็นผู้ร่วมกำหนดนโยบาย เป้าหมาย และมาตรการจัดการกับโรคติดต่อ ทั้งโรคติดต่ออุบัติใหม่ โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำโรคติดต่อป้องกันด้วยวัคซีน และสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาสาธารณสุข เป็นผู้บุกเบิกและสนับสนุนการพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณ์สุข ภายในกรมควบคุมโรคอย่างจริงจัง เมื่อครั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป ที่ต้องรับมือกับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ 2009 (2009 Influenza Pandemic) ที่ประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยประสบกับการระบาด หลังจากนั้น ได้ใช้ประสบการณ์มาต่อยอดพัฒนาระบบการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินของสาธารณภัยและการระบาดของโรคติดต่อสำคัญ เช่น น้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2554 ผู้ป่วยเมอร์ส ไข้ชิกา
  • เมื่อครั้งที่นายแพทย์โอภาสดำรงตำแหน่งรองอธิบตีกรมควบคุมโรค ท่านเป็นกำลังหลักในการยกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติโรคติดต่อฉบับใหม่ ที่ปรับปรุงจากฉบับปีพ.ศ.2523 โดยใช้ความรู้และประสบการณ์ในการบริหารงานสาธารณสุขตลอดจนความเชี่ยวชาญในภารกิจเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมโรคติดต่อ ได้สำเร็จเป็นพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ถือเป็นการพัฒนาเชิงระบบของประเทศไทย เพราะกำหนดให้มีคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการโรคติตต่อจังหวัด และหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อที่เป็นเครื่องมือและกลไกสำคัญในการรับมีอกับโรคติดต่อและโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าในอดีตมาก
  • ระหว่างที่มีวิกฤติการระบาดของโควิด 19 ทั่วโลก ตั้งแต่เตือนมกราคม 2563 ถึง เตือนธันวาคม 2565 ตลอดระยะเวลา 3 ปีเศษ นายแพทย์โอภาสเป็นผู้บริหารสาธารณสุขที่มีบทบาทอย่างสูงตั้งแต่เริ่มตันทั้งในฐานะขุนพลเอกและเสนาธิการของกระทรวงสาธารณสุขที่ยืดหยัดสู้กับโควิดอย่างมุ่งมั่นและทุ่มเทเสียสละ เริ่มจากในปีแรกเมื่อมีการรายงานโรคติตต่ออุบัติใหม่ที่เป็นสาเหตุของโรคปอตอักเสบที่ยังไม่ทราบว่าเป็นเชื้อชนิดใดและประเทศไทยคัดกรองพบผู้ป่วยรายแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะนั้นท่านตำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพของห้องปฏิบัติการเพื่อให้ตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยโควิด 19 รายแรกได้สำเร็จ และเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงสำหรับ SARS CoV-2 เพียง 1 ใน 2 แห่งช่วงต้นปี 2563 ต่อได้พัฒนาศักยภาพของห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในระดับเขตสุขภาพ ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพรับมือกับการระบาดของโควิด 19 ในปีต่อมาอย่างมีความพร้อมสูง ประชาชนเข้าถึงบริการการตรวจวินิจฉัยที่มีคุณภาพใด้อย่างรวดเร็ว แพทย์สามารถให้การรักษาได้อย่างถูกต้องกับโรคและเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อสามารถดำเนินการป้องกันควบคุมโรคได้ทันต่อสถานการณ์
  • ต่อมาในเตือนตุลาคม 2563 นายแพทย์โอภาสได้รับความไว้วางใจย้ายมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมโรค ซึ่งท่านได้นำกำลังของกรมควบคุมโรคร่วมปฏิบัติการกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข อาทิ EOC กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อีกทั้งวางแผนการดำเนินงานอย่างมีกลยุทธ์  เป็นผู้บริหารที่ปฏิบัติเป็นตัวอย่างที่ดี มีการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมในการจัดการกับสถานการณ์ ด้วยวิสัยทัศน์และสายตาที่แหลมคมพิสูจน์ใด้จากผลงานการรบกับโควิด 19 โดยในปลายปี พ.ศ. 2563 เริ่มการจัดหาวัคซีนโควิด 19 เพื่อให้บริการกับผู้คนในประเทศไทย โดยลงนามในสัญญาสั่งซื้อล่วงหน้าจากบริษัท AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทยและต่อมายังมีการจัดหาวัคจีนชนิดเชื้อตาย บริษัท Sinovac และวัคนชนิด mRNA บริษัท Pfizer จนทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนครอบคลุมสูงมากกว่า 100 ล้านโดสภายในปี พ.ศ.2564 และฉีดเพิ่มอีก 45 ล้านโดส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเข็มกระตุ้นในปี พ.ศ.2565 ส่งผลให้ประเทศไทยมีความครอบคลุมของวัคซีนมากกว่าร้อยละ 82 และเป็นการช่วยให้ผู้คนในประเทศไทยรอดพันจากการป่วยเสียชีวิตจากโควิด 19 เป็นจำนวนกว่า 5 แสนรายและยังเป็นการป้องกันการป่วยเข้าโรงพยาบาลได้อีกจำนวนมาก

ผลงานที่โดดเด่น

  • ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลนักเวชศาสตร์ป้องกันดีเด่น ปีพ.ศ.2564 จากสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย
  • นำทีมกรมควบคุมโรคเข้ารับรางวัลที่สะท้อนถึงศักยภาพการนำองค์กรให้บริการประขาชนอย่างยอดเยี่ยมอีกหลายรางวัลทั้งในระดับขาติและนานาชาติ ดังนี้
    • รางวัลเกียรติคุณ ต้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภท องค์กรภาครัฐและภาคประขาสังคม ประจำปี 2564 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (National Innovation Award 2021)
    • รางวัลเกียรติยศ UNPSA : United Nations Public Service Awards ปี 2021 the United Nations Public Service Awards (UNPSA) 2021 for the Department of Disease Control's initiative titled "Intelligent and Sustainable Public Health Emergency System in Thailand," which enhances the response to emergency and health threats and seeks to achieve two Sustainable Development Goals (SDGs), namely, Goal 3 and Goal 17.
    • รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ ในปีพ.ศ.2565 โดยกรมควบคุมโรค จำนวน 1 รางวัล เป็นรางวัลสูงสุด มอบให้แก่หน่วยงานของรัฐที่เป็นองค์กรต้นแบบที่มีความสำเร็จในการพัฒนาที่เป็นเลิศตอบสนองต่อโอกาสและความท้าทายขององค์การ สามารถเป็นตัวอย่างและแนวปฏิบัติที่ดีให้กับองค์การอื่นนำไปใช้ประโยชน์ มีผลงานที่โดดเด่น สร้างคุณค่าต่อสังคม และประเทศ มีการเตรียมความพร้อมขององค์การเพื่อรองรับอนาคต รวมทั้งมีการนำผลงานไปขยายผลเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

อ่านเรื่องราว

ภญ.ดร.
สุภาภรณ์
ปิติพร 

● Healthcare เป็นผู้พัฒนายาจากสมุนไพรเพื่อรักษาเริมในปากเด็ก ได้คิดค้นพัฒนาผลิตยากลีเซอรีนพญายอ โดยเป็นครั้งแรกที่มีการผลิตยาจากสมุนไพรไทย ปัจจุบัน ดร. ภญ. สุภาภรณ์ มีส่วนผลักดันศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อเป็นหน่วยที่ทำการรวบรวมข้อมูลความรู้สมุนไพร

● Manufacturing & Industry เป็นผู้ริเริ่มให้เกิดการผลิตยาจากสมุนไพรที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพและความปลอดภัย เป็นผู้ผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์สมุนไพรอภัยภูเบศรมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 โดยปัจจุบันมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้รับมาตรฐานGMP-PIC/S และได้รับการยกระดับมาตรฐานการผลิตยาและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้เทียบเท่ากับมาตรฐานของสหภาพยุโรป(EU-GMP)

● Social Impact เป็นผู้ริเริ่มและสนับสนุนโครงการสาธิตการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมุ่งหวังจะเสริมศักยภาพของประชาชนในการนำไปประกอบอาชีพ ซึ่งโครงการนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นโครงการดีเด่นของชาติสาขาพัฒนาสังคม (ด้านสมุนไพรไทย) จากคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติในปี พ.ศ. 2545

● Education เป็นผู้รวบรวมองค์ความรู้สมุนไพรจากหมอยาพื้นบ้านในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงการส่งต่อข้อมูลการใช้จากบรรพบุรุษนำมาเรียบเรียงถ่ายทอดเป็นหนังสือบันทึกแผ่นดินทั้งหมด 12 เล่มและข้อมูลความรู้สมุนไพรอื่นๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551-ปัจจุบัน

ดร. ภญ. สุภาภรณ์สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิดลในระดับปริญญาตรี-เอกดังนี้

ปี พ.ศ. วุฒิการศึกษา คณะ/สถาบัน/
2525 ปริญญาตรี สาขา เภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์
2540 ปริญญาโท สาขา การบริหารการสาธารณสุขมูลฐานอาเซียน สถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน
2547 ปริญญาเอก สาขา สังคมศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์


#MahidolUniversityNotableAlumni

 

Related Stories 

⮕ สุภาภรณ์ ปิติพร : เภสัชกรหญิง ผู้บุกเบิกสมุนไพรอภัยภูเบศร Click

อ่านเรื่องราว